"เนื้อสัตว์อันดับ 1" บนถุง... คือเรื่องจริง?

ระวัง! คุณอาจกำลังจ่ายเงินซื้อ "ข้าวโพด" ในราคา "เนื้อพรีเมียม" โดยไม่รู้ตัว

Kylosi
1 / 10

กลยุทธ์ "แยกส่วนผสม"

แบรนด์มักใช้เทคนิคแยกพืชชนิดเดียวออกเป็นหลายชื่อ เพื่อให้เนื้อสัตว์ดูมีสัดส่วนเยอะที่สุดในลำดับแรกของฉลาก

2 / 10

เมื่อ "ข้าวโพด" แปลงร่าง

แทนที่จะเขียนว่าข้าวโพด 30% เขาแยกเป็น แป้งข้าวโพด กากข้าวโพด และรำข้าวโพด อย่างละ 10% เพื่อเลี่ยงการเป็นอันดับหนึ่ง

3 / 10

เนื้อสด vs เนื้อจริง

เนื้อสดมีน้ำถึง 75% เมื่อผ่านความร้อนจนแห้ง ปริมาณจะหายไปจนอาจเหลือน้อยกว่าธัญพืชรวมกันเสียอีก

4 / 10

วิธี "รวมร่าง" ฉลากในใจ

ถ้าคุณเจอ ข้าว, แป้งข้าว, รำข้าว ปรากฏอยู่ใกล้ๆ กัน ให้รวมเป็นก้อนเดียว แล้วคุณจะเห็นสัดส่วนที่แท้จริง

5 / 10

ระวังคำที่ "ระบุชนิดไม่ได้"

"ไขมันสัตว์" หรือ "ธัญพืช" แบบกว้างๆ คือสัญญาณอันตราย เพราะผู้ผลิตอาจเปลี่ยนวัตถุดิบไปตามราคาตลาด

6 / 10

ผลพลอยได้... ที่ไม่ได้ผลดี

"ผลพลอยได้จากสัตว์ปีก" อาจรวมถึงจะงอยปากและขน ซึ่งให้โปรตีนคุณภาพต่ำกว่าเนื้อเกรดมนุษย์มาก

7 / 10

สัญญาณเตือนจากลูกรัก

ถ้าขนหยาบ ถ่ายเหลว หรือกลิ่นตัวแรง นี่อาจเป็นผลจากคาร์โบไฮเดรตและสารเติมเต็มที่มากเกินไป

8 / 10

อย่าดูแค่ "อันดับ 1"

มองหาชื่อระบุเฉพาะเจาะจง เช่น "Chicken Meal" หรือ "Deboned Salmon" แทนคำกว้างๆ เพื่อความมั่นใจ

9 / 10

วิธีเปลี่ยนอาหารที่ถูกต้อง

อย่าเปลี่ยนทันที! ใช้เวลา 7-10 วัน ค่อยๆ ผสมของใหม่เข้าไป เพื่อป้องกันอาการท้องเสียในสัตว์เลี้ยง

10 / 10

ของแพงไม่ได้ดีเสมอไป

ราคาไม่ใช่ตัวตัดสิน แต่ "ความโปร่งใสของฉลาก" ต่างหากคือสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญมากที่สุด

เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องฉลาก

แต่มันคือการมองทะลุกลโกงการตลาด เพื่อโภชนาการที่แท้จริงและอายุที่ยืนยาวของเพื่อนสี่ขาที่คุณรัก

เช็กฉลากอาหารลูกรักเลย!

อ่านวิธีจับไต๋ผู้ผลิต และเทคนิคเลือกอาหารเกรดพรีเมียมของจริงเพื่อสุขภาพที่ดีกว่า

อ่านวิธีเลือกอาหาร