กลิ่นหอมที่คุณรัก กำลังฆ่าแมวคุณ?

อย่าปล่อยให้บรรยากาศผ่อนคลาย กลายเป็นภัยเงียบที่ทำลายตับน้องโดยไม่รู้ตัว

Kylosi
1 / 10

มันไม่ได้อยู่แค่ในอากาศ

เครื่องพ่นไอน้ำแตกน้ำมันเป็นละอองจิ๋ว ตกค้างตามขนแมว เมื่อน้องเลียขน สารพิษจะเข้าสู่ร่างกายโดยตรงจากการกินและสูดดม

2 / 10

ตับแมว "ย่อยสารพิษ" ไม่เหมือนเรา

แมวขาดเอนไซม์สำคัญในการกำจัดสารจำพวกฟีนอล สารสกัดที่คนว่าดี จึงสะสมในตับและนำไปสู่ภาวะตับวายได้ในระยะยาว

3 / 10

"Tea Tree" ภัยร้ายในคราบธรรมชาติ

น้ำมันทีทรีที่นิยมใช้ฆ่าเชื้อ เพียงปริมาณเล็กน้อยก็อาจทำให้สุนัขและแมวเกิดอาการเดินโซเซ ตัวสั่น และเป็นพิษต่อระบบประสาท

4 / 10

กลิ่นส้มและสน: สดชื่นแต่เสี่ยง

น้ำมันพืชตระกูลส้ม มะนาว และสน มีสารโมโนเทอร์พีนที่ขจัดยากสำหรับสัตว์เลี้ยง มักพบในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไปในไทย

5 / 10

เทียนหอม = PM 2.5 ในบ้าน

เทียนพาราฟินปล่อยเบนซินและเขม่าควัน กระตุ้นให้เกิดโรคหอบหืดในแมวและหลอดลมอักเสบเรื้อรังเนื่องจากปอดน้องบอบบางมาก

6 / 10

สังเกตอาการ "จาม" ผิดปกติ

ถ้าน้องจามบ่อย มีน้ำมูก หรือหายใจเสียงดังหลังจากคุณจุดเทียน นั่นคือสัญญาณเตือนว่าอากาศในบ้านกำลังเป็นพิษสำหรับพวกเขา

7 / 10

เมื่อน้องเดิน "ทรงตัวไม่อยู่"

อาการเดินโซเซเหมือนเมาเหล้า (Ataxia) คือสัญญาณว่าระบบประสาทได้รับสารพิษเฉียบพลันจากการสูดดมกลิ่นเข้มข้นนานเกินไป

8 / 10

กฎ 15 นาทีที่ช่วยชีวิตได้

หากพบอาการผิดปกติ ให้หยุดใช้อุปกรณ์ทันที เปิดหน้าต่างระบายอากาศ และพาน้องไปที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์เพื่อลดการรับพิษ

9 / 10

เครื่องฟอกอากาศคือฮีโร่

ใช้เครื่องที่มีแผ่นกรอง HEPA และ Carbon เพื่อดูดซับสารระเหย (VOCs) แทนการใช้กลิ่นน้ำหอมกลบกลิ่นเดิมในบ้าน

10 / 10

ทางเลือกที่ "หอมแบบปลอดภัย"

เปลี่ยนมาใช้เทียนไขถั่วเหลือง (Soy Wax) 100% หรือใช้สมุนไพรสด เช่น ตะไคร้หอม ซึ่งปลอดภัยกว่าน้ำมันสกัดเข้มข้น

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องความหอม

แต่คือการปกป้องชีวิตที่คุณรัก การระบายอากาศที่ดีสำคัญกว่าห้องที่หอมฟุ้งแต่เต็มไปด้วยสารพิษตกค้างที่มองไม่เห็น

เช็กลิสต์กลิ่นอันตราย!

ดูรายชื่อน้ำมันหอมระเหยต้องห้ามสำหรับสัตว์เลี้ยง และวิธีแต่งบ้านให้หอมแบบ Pet-Friendly ที่ถูกต้อง

อ่านวิธีดูแลน้อง