50 กม./ชม. อาจฆ่าน้องหมาของคุณได้

เมื่อเบรกกะทันหัน สุนัขตัวน้อยจะหนักเท่าช้างตัวย่อมๆ ทันที อย่าประมาทแรงเหวี่ยงมหาศาล

Kylosi
1 / 10

กฎเหล็กของนิวตัน: F = ma

ถ้ารถหยุดกะทันหัน สุนัขหนัก 10 กก. จะพุ่งไปข้างหน้าด้วยแรงกระแทกถึง 500 กก. แรงพอจะทะลุกระจกหน้าหรือทำคนขับบาดเจ็บสาหัส

2 / 10

บาดแผลที่คุณมองไม่เห็น

แม้น้องจะไม่ชนอะไรเลย แต่แรงเหวี่ยงที่รุนแรงอาจทำให้อวัยวะภายในฉีกขาดได้ สายรัดที่ไม่ได้มาตรฐานยื้อชีวิตน้องไว้ไม่ได้

3 / 10

อย่าเชื่อแค่ป้าย Crash Tested

หลายแบรนด์ทดสอบกันเองในบริษัท ไม่มีมาตรฐานกลางรองรับ คุณต้องเช็กผลทดสอบจากสถาบันอิสระที่เปิดเผยคลิปวิดีโอเท่านั้น

4 / 10

สายจูงเดินเล่น ไม่ใช่สายนิรภัย

สายจูงทั่วไปรับแรงช็อกไม่ได้ คุณต้องการสายถักเกรดเดียวกับเบลท์รถยนต์ และตัวล็อคโลหะที่ระบุค่าการรับแรงดึง (kN Rating)

5 / 10

รอยเย็บรูป X คือตัวตัดสิน

มองหาการเย็บแบบ Box-X Stitching มันถูกออกแบบมาเพื่อกระจายแรงดึงมหาศาล ไม่ให้ด้ายขาดถอนขณะเกิดอุบัติเหตุ

6 / 10

ระวังแรงเหวี่ยงคอหัก

สายที่ยาวเกินไปจะทำให้หัวสุนัขสะบัดรุนแรง (Whiplash) จนเป็นอัมพาตได้ อุปกรณ์ที่ดีต้องจำกัดระยะพุ่งให้น้อยที่สุด

7 / 10

กรงพลาสติก = ใบมีดอาบยาพิษ

ในอุบัติเหตุ กรงพลาสติกราคาถูกจะแตกกระจายเป็นเศษคม ทิ่มแทงน้องหมาและคนในรถได้ทันทีเหมือนสะเก็ดระเบิด

8 / 10

กรงที่ดีต้อง ยุบตัว ได้

กรงนิรภัยระดับโลกจะใช้หลักการ Crumple Zones เสียรูปเพื่อดูดซับแรงกระแทกก่อนจะถึงตัวสัตว์เลี้ยงของคุณ

9 / 10

เบาะหน้าคือเขตอันตราย

ห้ามน้องนั่งเบาะหน้าเด็ดขาด แรงระเบิดของถุงลมนิรภัย (Airbag) รุนแรงพอจะทำให้สุนัขเสียชีวิตได้ในเสี้ยววินาที

10 / 10

ยึดให้แน่นกับจุด ISOFIX

การวางกรงไว้เฉยๆ คือความประมาท ยึดอุปกรณ์เข้ากับจุด ISOFIX หรือสายเบลท์รถยนต์โดยตรงเท่านั้นเพื่อความมั่นคงสูงสุด

นี่ไม่ใช่แค่ของใช้ แต่มันคือวิศวกรรมช่วยชีวิต

การพาน้องขึ้นรถคือการรับผิดชอบชีวิต อย่าให้ความประมาทหรือของราคาถูกมาพรากเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณไปในทริปหน้า

เช็กอุปกรณ์ของคุณด่วน!

ดูวิธีประเมินความปลอดภัยและแบรนด์ที่ผ่านการทดสอบระดับโลก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทริปต่อไปของคุณ

อ่านวิธีเลือกเลย